วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Tense (In class III)

Tense
(In class III)


            ในปัจจุปันภาษาอังกฤษเข้ามามีอิทธิพลต่อคนบนโลกอย่างมาก ซึ่งอาจพูดว่าภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองของโลก เนื่องจากคนส่วนใหญ่ใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อสื่อสาร รวมไปถึงการศึกษาของประเทศไทย ซึ่งภาษาอังกฤษเป็นหลักสูตรการศึกษาแกนกลางของทุกระดับเป็นภาษาที่สองรองมาจากภาษาแม่หรือภาษาประจำชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจที่สังคมสอนภาษาอังกฤษโดยเน้นหลักไวยากรณ์มากกว่าการสนทนาที่กำลังมีบทบาทอย่างมากแต่ถึงจะสอนหรือปลูกฝังมานานเท่าใดเด็กไทยก็ไม่สามารถนำความรู้ทางไวยากรณ์มาใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสมแต่สำหรับครูผู้สอนภาษาอังกฤษหรือผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับภาษาต่างรู้ถึงความสำคัญของหลักไวยากรณ์นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญในการแปลนั้นคือ Tense ที่จะสามารถบอกอะไรกับเราได้หมายอย่างเช่น เกิดขึ้นตอนไหน เกิดขึ้นอย่างไร ผ่านมาแล้วหรือยัง
           

            Tense มีทั้งหมด 12 Tense ซึ่งแต่ละ Tense จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันไปดังนี้
1. Present simple จะกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุปันแต่ไม่ได้ระบุว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นสมบูรณ์หรือยัง โครงสร้างคือ Subject+ V.1
2. Present continuous จะกล่าวถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีตและดำเนินมาถึงขณะที่พูด มีโครงสร้างประโยคดังนี้ Subject + Verb to be+ Verb.ing
3. Present Perfect จะกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแล้วดำเนินมาถึงปัจจุปันโดยส่วนมากจะมีคำกริยาวิเศษณ์คอยบอกเวลาเช่น ever, never, just โดยมีโครงสร้างประโยคดังนี้ Subject + verb to have + Past participle
4. Present perfect continuous จะกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบางช่วงเวลาในอดีตและดำเนินอยู่ในขณะที่พูด มีโครงสร้างประโยคดังนี้ Subject + Verb to have + been + verb.ing
5. Past simple tense จะกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงแล้วในอดีต มีโครงสร้างดังนี้ Subject + Past tense
6. Past continuous จะกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและดำเนินอยู่ในอดีตซึ่งจะเกิดเป็นช่วงเวลา มีโครงสร้างดังนี้ Subject + was/were + verb.ing
7. Past perfect ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นที่เกิดขึ้นในอดีต ซึ่งจะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ เวลาใดเวลาหนึ่งในอดีตและเหตุการณ์นั้นๆได้เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ มีโครงสร้างดังนี้ Subject + had + past participle
8. Past perfect continuous ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแต่จะเน้นถึงช่วงเวลาที่เกิดขึ้นในอดีต มีโครงสร้างดังนี้ Subject + had + been +verb.ing
9. Future Simple กล่าวถึงเหตุการณ์ที่จะทำหรือจะดำเนินในอนาคต มีโครงสร้างประโยคดังนี้ Subject + will/shall + verb.1
10. Future continuous จะบอกถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอ ซึ่งจะมีคำที่บ่งบอกเวลากำกับ โดยจะมีโรงสร้างดังนี้ Subject + will/shall + be + verb.ing
11. Future perfect ใช้เพื่อจะบอกว่าจะเกิดเหตุการณ์ในอนาคตและเหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นและจบอย่างสมบูรณ์ มีโครงร้างดังนี้ Subject + will/shall + have + past participle
12. Future perfect continuous จะเป็นการบอกถึงความต่อเนื่องของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตซึ่งมีโครงสร้างคือ Subject + will/shall + have + been + verb.ing



            จากการเรียนเรื่อง tense ในคาบนี้ทำให้ทราบถึงความหมายของ tense การใช้งาน โครงสร้างและสิ่งเหล่านี้คือหัวใจของไวยากรณ์ที่เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการเรียนภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะกับรายวิชาการแปลที่จำเป็นต้องรู้ Tense เป็นอย่างมากเพราะถ้าหากว่ำม่รู้ Tense ไหน ใช้อย่างไร มีความหมายอย่างไร เวลาเราแปลทุกอย่างจะผิดเพียบไปจากเดิมอย่างมากจนทำให้ผู้รับสารเข้าใจผิดจากเดิมและถ้าหากเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำทำให้วงการแปลมีค่าความน่าเชื่อถือน้อยลงและยังมีผลต่อประเทศชาติเวลาแปลงานจากภาษาอื่นๆมาเป็นภาษาไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น