วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

โค้ชทางภาษา (In class V)

โค้ชทางภาษา
(In class V)

                การเรียนภาษาอังกฤษเป็นเรื่องทั่วไปธรรมดาที่ทุกคนต้องพบเจอบางคนได้รับสาระเก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างเต็มที่ บางคนได้เพียงเล็กน้อยแต่ถึงอย่างไรผู้เรียนเหล่านั้นก็จะเอาไปลงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษเพื่อเพิ่มความรู้ให้กับตัวเอง เผื่อเพื่อให้ตนเองภาษาอังกฤษมากขึ้นบางครั้งในการเรียนพิเศษคนส่วนใหญ่ใช้เรียนแล้วลืมแล้วลืมเปลี่ยนแล้วไม่กินขึ้นอื่นแล้วเสียงเงินฟรีซึ่งในแต่ละครั้งก็มีแต่การท่องจำซับสงสัยเนื้อหาทักษะอย่างอื่นเลยพอจบก็ไม่เหลือความรู้สักนิด ซึ่งกระผมเองคิดว่า ภาษาคือทักษะซึ่งมันจะต้องรับการฝึกการเขียนการอ่านการพูดซึ่งล้วนแต่ต้องใช้การฝึกทั้งนั้น และถ้าหากเราไปเรียนกับครูจะได้แค่ความรู้ทางวิชาการดังนั้นตอนนี้ภาษาที่ดีมันต้องมีโค้ดซึ่งเหมาะว่าไปเรียนกับอาจารย์
                เมื่อกล่าวถึงโค้ดทางภาษาซึ่งจะมีในทุกทุกที่แต่ผมขอแบ่งเป็น 3 โซน คือ


                1. Comfort zone เป็นโซนที่สบายที่สุดของเราซึ่งสามารถทำได้ง่ายมากคือการเรียนรู้คำศัพท์ประโยคต่างๆในสภาพแวดล้อมทั่วไป
                2. Learning zone โซนนี้เป็นโซนที่มีระดับความยากขึ้นมาลำดับ 1 เป็นส่งที่ขึ้นอยู่กับตัวเราว่าจะทำให้ได้เพียงใดซึ่งถ้าเกิดการเรียนรู้จะเกิดการเรียนรู้อย่างรวดเร็วคือการทบทวนบทเรียน แล้วเพิ่มเติมความรู้จากสิ่งที่เรียนมาเช่นอ่านหนังสือเพิ่มเติมเขียนประโยคแสดงการเรียนรู้ในวันนี้เวลาไม่รู้ศัพท์ก็เปิดดิชชันนารีผื่นดูบริบทในความหมายของคำนั้นนั้น
                3. Panic zone ส่วนนี้เป็นส่วนที่ยากจนแทบทนไม่ได้เลยเป็นเรื่องที่น่าพอได้ยินก็เบื่อที่จะเรียนรู้ภาษาอังกฤษจากหนังตัวเองโดยเฉพาะการดูหนังที่ดูดีไม่มีซับแต่ต้องเป็นภาษาอังกฤษนะครับไม่ใช่ภาษาไทย
                ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือโค้ชหรือเป็นโปรแกรมฝึกเฉพาะตัวของบุคคลขึ้นอยู่กับว่าใครจะเอาก็เรียนรู้หรือการจัดโซนอย่างไรแต่การฝึกแบบโซนจะทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างรวดเร็วแต่ขึ้นอยู่กับว่าตัวของผู้ฝึกว่าจะขยันตั้งใจเพียงใด
                ตัวของผู้ฝึกฝนเองจะเป็นคนที่รู้ว่าตัวเองประสบความสำเร็จเพียงใดแต่ผู้ฝึกฝนจะต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงจังวิธีคิดอย่างเป็นของตัวเองผมให้ตนเองประสบความสำเร็จเชื่อว่าทุกๆคนรู้จักกันเป็นศูนย์การเรียนรู้ทางภาษาจะเกิดการเรียนรู้ที่รวดเร็วอย่างไรเท่าตัว เลยจะดีกว่านั้นถ้าหากฝึกฝนรู้จักนำความรู้จากการฝึกฝนไปใช้ในการเรียนการสอน
                การเรียนการสอนในห้องเรียนเป็นการสอนแบบนิรนัยและอุปนัยซึ่งในการสอนแบบนิรนัยจะเป็นการสอนให้โดยให้หลักการ ทฤษฎีแล้วจึงให้ตัวอย่างก่อนที่จะสรุปทั้งหมดอีกครั้งซึ่งเป็นการสอนที่เกิดขึ้นอย่างมากมายในประเทศไทยซึ่งเป็นรูปแบบที่ไม่ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการคิดการเข้าใจอย่างลึกซึ้งได้ในทางกลับกันการสอนแบบอุปนัยเป็นการสอนด้วยให้ตัวอย่างแล้วจึงให้ผู้เรียนสรุปว่ามันคืออะไร หลักการเป็นอย่างไรซึ่งวิธีการนี้จะส่งเสริมให้ผู้เรียนเดการคิดอย่างยั่งยืนและมีตะกอนความรู้มากขึ้นดังนั้นครูจะต้องสอนแบบอุปนัยเพื่อให้ผู้เรียนรู้จักการคิดการวิเคราะห์เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้ในห้องเรียนไปพัฒนาต่อได


                จากที่กล่าวมาข้างต้นพบว่าครูวิธีการสอนผู้เรียนการจัดระบบความคิดการฝึกฝนเพิ่มเติมดังนี้ความสัมพันธ์กันอย่างสมบูรณ์แบบคือเมื่อผู้สอนผู้เรียนด้วยวิธีการสอนที่ให้ผู้เรียนรู้จักการคิดจะทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วเมียบอกทางความคิดในการวางแผนและยังส่งผลให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปฝึกฝนจนเกิดความชำนาญและเป็นคนเก่งมีทั้งทราบอย่างครบถ้วนสมบูรณ์แบบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น